ปัจจุบันรางน้ำฝนที่ติดตามแนวชายคาบ้านนั้นมีให้เลือกใช้งานหลายชนิด ทั้งที่ทำจากเหล็กเคลือบสี อะลูมิเนียม
ปัจจุบันรางน้ำฝนที่ติดตามแนวชายคาบ้านนั้นมีให้เลือกใช้งานหลายชนิด ทั้งที่ทำจากเหล็กเคลือบสี อะลูมิเนียม สเตนเลส ฯลฯ แต่ไม่ว่าบ้านของคุณจะใช้รางน้ำแบบใด ปัญหาที่พบเหมือน ๆ กันก็คือ มีใบไม้ กิ่งไม้แห้ง หรือเศษขยะเข้าไปอุดตันภายในราง โดยเฉพาะบ้านที่มีต้นไม้สูงหรือข้างบ้านมีต้นไม้เยอะ ๆ เศษใบไม้อาจปลิวมาอุดรางระบายน้ำ น้ำฝนจึงล้นรางและไหลเข้าไปในฝ้าเพดาน ทำให้เกิดความเสียหายได้
ปัญหานี้แก้ไขได้ด้วยการทำตะแกรงมาครอบหรือปิดรางน้ำฝนไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้เศษใบไม้เข้าไปอุดตันในราง แต่น้ำฝนยังไหลลงช่องระบายน้ำได้ ทั้งนี้เจ้าของบ้านสามารถทำได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งพามืออาชีพให้ยุ่งยาก
เครื่องมือและอุปกรณ์
1. ลวดตาข่ายหรือลวดกรงไก่พลาสติก
2. กรรไกรหรือคีมตัดลวด
3. ลวดเส้นเล็กหรือลวดผูกเหล็ก
4. ตลับเมตรและบันได
ขั้นตอนการทำงาน
1. ทำความสะอาดรางน้ำฝนให้ปราศจากใบไม้และเศษวัสดุต่าง ๆ ที่อาจมีส่วนทำให้เกิดการอุดตันภายในรางและท่อระบายน้ำ จากนั้นใช้ตลับเมตรวัดขนาดความกว้างของตัวราง แล้วใช้กรร ไกรหรือคีมตัดลวดตัดลวดตาข่ายให้กว้างกว่าตัวรางเล็กน้อย เพื่อทำเป็นตะแกรงนำไปครอบหรือปิดที่ปากราง และเพื่อความปลอดภัยอาจใช้ลวดเส้นเล็กยึดตะแกรงเข้ากับตัวรางน้ำก็ได้ (ลมพัดแรง ๆ ก็ไม่ปลิว)
2. สำหรับความยาวของลวดตา ข่ายนั้น ควรตัดให้มีขนาดเท่า ๆ กัน โดยยาวประมาณ 1-2 เมตร เพื่อให้ง่ายต่อการติดตั้งและซ่อมแซม นอกจากนี้ยังดูสวยงามและเป็นระเบียบด้วย.
TIP
หมั่นตัดกิ่งไม้ที่ยื่นเหนือหลังคาออกไปบ้าง และควรทำความสะอาดหลังคาและรางน้ำฝนอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนที่มีลมพัดแรง ทำให้ปริมาณใบไม้ที่สะสมมีมากเป็นพิเศษ.
บ้านและสวน
ขอบคุณ นสพ เดลินิวส์
คลังบทความของบล็อก
วันอังคารที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
วันจันทร์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
บ้านขนาดน่ารักกระทัดรัด
บ้านขนาดกระทัดรัดผสมสตูดิโอศิลปะและเพื่อการพักผ่อนหย่อนใจ
บ้านที่สร้างไว้บริเวณพื้นที่ใกล้บ้าน... แอบอิงธรรมชาติ ..อาจจะเรียกว่าบ้านสไตล์กระท่อม บ้านแบบนี้
สามารถสร้างได้ทั้งบริเวณพื้นที่บนดิน และ ต้นไม้ใหญ่ๆ อาจจะดักแปลงส่วนประกอบนิดหน่อย
เช่นเสาร์บ้านแทนที่เราก่อด้วยกอนกรีตก็ใช้ต้นไม้เป็นเสาร์แทน ..การสร้างบ้านใช้พื้นที่จำกัด ไอเดียมาจากที่นั่งล่าสัตว์ในป่า ที่เขาสร้างไว้ตามต้นไม้ขนาดใหญ่พอกะว่ารับน้ำหนักของผู้นั่งได้
บ้านที่สร้างไว้บริเวณพื้นที่ใกล้บ้าน... แอบอิงธรรมชาติ ..อาจจะเรียกว่าบ้านสไตล์กระท่อม บ้านแบบนี้
สามารถสร้างได้ทั้งบริเวณพื้นที่บนดิน และ ต้นไม้ใหญ่ๆ อาจจะดักแปลงส่วนประกอบนิดหน่อย
เช่นเสาร์บ้านแทนที่เราก่อด้วยกอนกรีตก็ใช้ต้นไม้เป็นเสาร์แทน ..การสร้างบ้านใช้พื้นที่จำกัด ไอเดียมาจากที่นั่งล่าสัตว์ในป่า ที่เขาสร้างไว้ตามต้นไม้ขนาดใหญ่พอกะว่ารับน้ำหนักของผู้นั่งได้
วันศุกร์ที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
uchi
อันที่จริงสถาปนิกออกบแบบตรงพื้นหน้าบ้านเป็น สี่เหลียม ยกตัวบ้านเป็นสามเหลียม ทำด้วยไม้ พื้นที่สำหรับใช้สอยครบครัน
ดูออกจะเล็กกระทัดรัด ตัวบ้านมีสองชั้น ...ส่วนที่ทางเข้าบ้านยกบันไดเตี้ยๆดูเก๋ไม่น้อยเลย
วันเสาร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
มหาเศรษฐีอินเดียเปิดบ้านที่ว่ากันว่า "แพงที่สุดในโลก" ณ เมืองมุมไบ
ในที่สุด ภาพภายในบ้านที่ว่ากันว่ามีมูลค่า "แพงที่สุดในโลก"
ก็ถูกเผยแพร่ออกมาเป็นรูปแรก
บ้าน หรือ อาคารสูง 27 ชั้นดังกล่าว
ตั้งอยู่ในเมืองมุมไบ ประเทศอินเดีย เจ้าของของมันคือ มหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในอินเดีย ผู้มีนามว่า
"มุเกช อัมบานี" ซึ่งถือครองทรัพย์สินมากกว่า 2.2 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ
ตามการประเมินของนิตยสารฟอร์บส์
บ้านหลังนี้ถูกขนานนามว่า "อันติเลีย"
ตามชื่อเกาะในตำนานปรัมปรา และต้องใช้เงินในการก่อสร้างตกแต่งสูงถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ตามรายงานข่าว
ผู้ที่เคยไปเยี่ยมเยือนระบุว่า บ้านหลังดังกล่าว
มีลานจอดเฮลิคอปเตอร์, มีห้องสมุดขนาดใหญ่, มีพื้นที่รับประทานอาหารอันยิ่งใหญ่ฟุ่มเฟือยเกินควร,
มีพื้นหินอ่อนอันมั่งคั่ง ทั้งยังมีห้องหิมะ อย่างไรก็ตาม
สมาชิกของครอบครัวอัมบานีกลับยังคงไม่ยอมปริปากใดๆ
เกี่ยวกับที่พักสุดหรูหราของตนเอง
กระทั่งนิตา อัมบานี ภรรยาของมุเกช
ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารวานิตี้ แฟร์ ฉบับเดือนมิถุนายน
เธอจึงยินยอมพูดถึงเรื่องราวเกี่ยวกับบ้านของตัวเองเป็นครั้งแรก
เมื่อถูกถามถึงกระแสข่าวที่ระบุว่า
ครอบครัวอัมบานีไม่ยอมย้ายเข้าไปอยู่ในที่พักราคาแพงแห่งนี้
เพราะมีการก่อสร้างบางส่วนที่ไม่ถูกตามหลักวาสตุศาสตร์
(คล้ายฮวงจุ้ยของจีน)
นิตาตอบในการสัมภาษณ์ที่มีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้วว่าเธอและครอบครัวได้ย้ายเข้าไปอยู่บ้านหลังนี้เมื่อเดือนกันยายน
2011
"เราย้ายเข้าไปอาศัยในบ้านหลังนี้เมื่อสองเดือนก่อน
และจากนั้นก็มีข่าวเกิดขึ้นว่าเราไม่ได้ย้ายเข้าไป" เธอกล่าวกับเจมส์ เรจินาโต้
นักข่าวผู้ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในบ้านพักหรูหรา
โดยเจ้าตัวไม่เคยคาดคิดมาก่อน
รูปของบ้านหลังนี้ที่ถูกเผยแพร่ออกมา คือ
ภาพถ่ายของห้องห้องหนึ่ง ที่มีหน้าต่างขนาดยาวตั้งแต่พื้นจรดเพดาน
การจัดที่นั่งมีลักษณะคล้ายล็อบบี้โรงแรมห้าดาว ซึ่งเป็นการตกแต่งแบบ
"บ้านสมัยใหม่ที่มีจิตวิญญาณของอินเดีย" ตามคำอธิบายของนิตา
เรจินาโต้ระบุว่า
บ้าน "อันติเลีย" มีทั้งหมด 27 ชั้น แต่หลายๆ ชั้นนั้นมีความสูงมากกว่าชั้นของอาคารปกติราว 2 หรือ 3
เท่า ส่งผลให้อาคารของบ้านหลังนี้มีความสูงถึง 570 ฟุต เทียบเท่ากับอาคารขนาด 40
ชั้นทั่วไป
ตามการบันทึกของนักข่าวรายนี้
บ้านหลังนี้ประกอบไปด้วยที่จอดรถหลายชั้น, ห้องบอลรูม, ห้องสปา. โรงหนัง, ห้องพักแขก
และสวนนอกชานอีกหลายแห่ง
"เรานำบ้านของเราไปไว้ตรงชั้นบนสุด
เพราะเราต้องการรับแสงอาทิตย์ ดังนั้น มันจึงเป็นบ้านที่ถูกยกระดับไปอยู่บนยอดสูงสุดของสวน" นิตา
อัมบานี
อธิบายเพิ่มเติม
สำหรับการตกแต่งภายในนั้นเน้นหนักไปที่รูปดอกบัวและดวงอาทิตย์
โดยใช้ไม้หายาก, หินอ่อน, หอยมุก และคริสตัล ซึ่งได้รับการรังสรรค์โดยช่างฝีมือชาวอินเดีย นอกจากนี้
อันติเลียยังมีห้องสวดมนต์ตามความเชื่อทางศาสนาฮินดู
อย่างไรก็ดี
การก่อสร้างบ้าน 27 ชั้นของคนที่รวยที่สุดในอินเดียหลังนี้ ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์จากคนที่เห็นว่า
อาคารเช่นนี้ยิ่งใหญ่หรูหราเกินไปสำหรับเมืองมุมไบ
เมืองที่ประชากรอีกหลายล้านคนยังคงอาศัยอยู่ในชุมชนแออัด
และอีกหลายแสนคนต้องอยู่ในบ้านที่ไม่มีแม้กระทั่งหลังคา
วันศุกร์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
เทคนิคจัดห้อทำงานได้ดั่งที่ใจคุณปรารถนา
การจัดตกแต่งห้องทำงานนั้น
อาจเริ่มจากการวางตำแหน่งของห้องทำงานให้มีความเหมาะสม
โดยควรจัดอยู่ในมุมที่เงียบสงบ มีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด
คำสุภาษิตไทยบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” แต่หลายท่านคงเห็นด้วยว่า การจะสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานที่ดีและมีคุณภาพได้นั้น นอกจากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งคงหนีไม่พ้นแรงบันดาลใจที่มาจากสภาพแวดล้อม ของสถานที่ทำงาน ดังนั้น การหันมาปรับโฉมมุมทำงานในบ้านให้แลดูน่าชม เหมาะสมกับการใช้งาน ก็นับเป็นสิ่งที่หลายท่านไม่ควรมองข้ามไป
การจัดตกแต่งห้องทำงานนั้น อาจเริ่มจากการวางตำแหน่งของห้องทำงานให้มีความเหมาะสม โดยควรจัดอยู่ในมุมที่เงียบสงบ มีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด เพื่อสร้างสมาธิในการทำงาน แต่สำหรับบางท่านที่บ้านมีเนื้อที่จำกัด ก็อาจปรับใช้มุมเล็ก ๆ สักมุมหนึ่งในบ้าน เช่น ห้องนอน หรือแบ่งพื้นที่กับส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ความสะดวกของแต่ละท่าน
องค์ประกอบต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกสุขลักษณะ ซึ่ง ควรเน้นในด้านคุณภาพควบคู่ไปกับความสวยงามตามรสนิยม โดยเฉพาะส่วนของเก้าอี้ทำงานซึ่งเราใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ กับมันมากที่สุด จึงควรเลือกแบบที่มีความยืดหยุ่น สามารถ ปรับระดับสูง-ต่ำได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังควรเป็นแบบที่มีพนักพิงและที่วางแขน มีโครงสร้างแข็งแรง บุด้วยวัสดุที่หนานุ่ม ส่วนโต๊ะทำงานก็ควรเลือกให้มีระดับความสูงที่สอดคล้องกับ เก้าอี้ทำงาน เป็นแบบที่ทำด้วยวัสดุที่มีความทนทาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้นานวัน
สำหรับผู้ที่มีข้าวของมากชิ้น อาจเสริมด้วยการใช้งานตู้บิลต์-อินติดผนัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย โดยควรจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ สร้างความเป็นระเบียบ และเพิ่มความสะดวกในการหยิบใช้งานแต่ละครั้ง
ในด้านการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามมากยิ่งขึ้นนั้น เป็นองค์ประกอบที่ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล เช่น บางท่านอาจชื่นชอบห้องทำงานในบรรยากาศ โปร่งโล่ง ก็อาจเลือกตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่แลดูโปร่งสบายตา หรือถ้าบางท่านต้องการเพิ่มความมีชีวิตชีวา ก็อาจแทรกด้วยสีสันที่สดใส ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป เพื่อสร้างบรรยากาศสดชื่น แปลกใหม่ กระตุ้นความคิดและจินตนาการ นอกจากนี้ก็อาจจะหาประติมากรรม หรือภาพประดับในสไตล์ที่ชื่นชอบมาประดับ เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ด้วยก็ได้
การเพิ่มสีเขียวให้กับห้องทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่น ผ่อนคลาย ให้กับห้องทำงานของคุณได้ โดยอาจมองหาไม้ประดับมาจัดวางตามมุมต่าง ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งควรเลือกเป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกในอาคารได้ และมีคุณสมบัติดูดพิษในอากาศ อาทิ เยอบีร่า วาสนาอธิษฐาน หรือสาวน้อยประแป้ง เป็นต้น
ด้วยแนวทางง่าย ๆ ในการจัดตกแต่งห้องทำงานที่นำมาฝาก เชื่อว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสุขสดชื่นให้กับห้องทำงาน รวมทั้งสร้างความกระฉับกระเฉง และเกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณ นสพ เดลินิวส์
คำสุภาษิตไทยบทหนึ่งกล่าวไว้ว่า “ค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน” แต่หลายท่านคงเห็นด้วยว่า การจะสร้างสรรค์ให้เกิดผลงานที่ดีและมีคุณภาพได้นั้น นอกจากการศึกษาค้นคว้าหาข้อมูลอย่างสม่ำเสมอแล้ว อีกปัจจัยหนึ่งคงหนีไม่พ้นแรงบันดาลใจที่มาจากสภาพแวดล้อม ของสถานที่ทำงาน ดังนั้น การหันมาปรับโฉมมุมทำงานในบ้านให้แลดูน่าชม เหมาะสมกับการใช้งาน ก็นับเป็นสิ่งที่หลายท่านไม่ควรมองข้ามไป
การจัดตกแต่งห้องทำงานนั้น อาจเริ่มจากการวางตำแหน่งของห้องทำงานให้มีความเหมาะสม โดยควรจัดอยู่ในมุมที่เงียบสงบ มีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด เพื่อสร้างสมาธิในการทำงาน แต่สำหรับบางท่านที่บ้านมีเนื้อที่จำกัด ก็อาจปรับใช้มุมเล็ก ๆ สักมุมหนึ่งในบ้าน เช่น ห้องนอน หรือแบ่งพื้นที่กับส่วนที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับ ความสะดวกของแต่ละท่าน
องค์ประกอบต่อมาที่ควรคำนึงถึงคือ การเลือกเฟอร์นิเจอร์ที่ถูกสุขลักษณะ ซึ่ง ควรเน้นในด้านคุณภาพควบคู่ไปกับความสวยงามตามรสนิยม โดยเฉพาะส่วนของเก้าอี้ทำงานซึ่งเราใช้เวลาในแต่ละวันอยู่ กับมันมากที่สุด จึงควรเลือกแบบที่มีความยืดหยุ่น สามารถ ปรับระดับสูง-ต่ำได้ตามความต้องการ อีกทั้งยังควรเป็นแบบที่มีพนักพิงและที่วางแขน มีโครงสร้างแข็งแรง บุด้วยวัสดุที่หนานุ่ม ส่วนโต๊ะทำงานก็ควรเลือกให้มีระดับความสูงที่สอดคล้องกับ เก้าอี้ทำงาน เป็นแบบที่ทำด้วยวัสดุที่มีความทนทาน เพื่อให้สามารถใช้งานได้นานวัน
สำหรับผู้ที่มีข้าวของมากชิ้น อาจเสริมด้วยการใช้งานตู้บิลต์-อินติดผนัง เพื่อเพิ่มพื้นที่ใช้สอย โดยควรจัดเก็บสิ่งของต่าง ๆ ไว้เป็นหมวดหมู่ สร้างความเป็นระเบียบ และเพิ่มความสะดวกในการหยิบใช้งานแต่ละครั้ง
ในด้านการตกแต่งเพื่อเพิ่มความสวยงามมากยิ่งขึ้นนั้น เป็นองค์ประกอบที่ขึ้นอยู่กับรสนิยมของแต่ละบุคคล เช่น บางท่านอาจชื่นชอบห้องทำงานในบรรยากาศ โปร่งโล่ง ก็อาจเลือกตกแต่งด้วยโทนสีอ่อนที่แลดูโปร่งสบายตา หรือถ้าบางท่านต้องการเพิ่มความมีชีวิตชีวา ก็อาจแทรกด้วยสีสันที่สดใส ไม่ฉูดฉาดจนเกินไป เพื่อสร้างบรรยากาศสดชื่น แปลกใหม่ กระตุ้นความคิดและจินตนาการ นอกจากนี้ก็อาจจะหาประติมากรรม หรือภาพประดับในสไตล์ที่ชื่นชอบมาประดับ เพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์ด้วยก็ได้
การเพิ่มสีเขียวให้กับห้องทำงาน ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่น ผ่อนคลาย ให้กับห้องทำงานของคุณได้ โดยอาจมองหาไม้ประดับมาจัดวางตามมุมต่าง ๆ ในห้องทำงาน ซึ่งควรเลือกเป็นพันธุ์ไม้ที่ปลูกในอาคารได้ และมีคุณสมบัติดูดพิษในอากาศ อาทิ เยอบีร่า วาสนาอธิษฐาน หรือสาวน้อยประแป้ง เป็นต้น
ด้วยแนวทางง่าย ๆ ในการจัดตกแต่งห้องทำงานที่นำมาฝาก เชื่อว่าน่าจะช่วยเพิ่มความสุขสดชื่นให้กับห้องทำงาน รวมทั้งสร้างความกระฉับกระเฉง และเกิดแรงบันดาลใจใหม่ ๆ ให้กับทุกท่านได้ไม่มากก็น้อย
ขอบคุณ นสพ เดลินิวส์
เกร็ดความรู้เรื่องแต่งผนังบ้านด้วยตัวเองอย่างง่ายๆ
การที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในทาวน์โฮม
หรือห้องชุดบนคอนโดมิเนียมที่รายล้อมด้วยผนังทึบเกือบรอบ
ด้าน
นอกจากจะชวนให้รู้สึกอึดอัดอุดอู้เหมือนอยู่ในกล่องสี่
เหลี่ยมแล้ว ยังอาจทำให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายเอาได้ง่าย ๆ
ลองใช้เวลาในช่วงวันหยุดพักผ่อน มาค้นหาไอเดียใหม่ ๆ
พร้อมกับเติมจินตนาการบรรเจิดที่ซ่อนอยู่ในตัวคุณลงไป
เพื่อเพิ่มความแตกต่างและน่าสนใจให้กับผนังบ้านที่ราบเรียบ
ดู
การตกแต่งผนังบ้านเรียบโล่งให้สวยงาม สะท้อนรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ อาจเริ่มต้น ง่าย ๆ อย่างการเลือกหาภาพถ่าย หรืองานศิลป์ชิ้นโปรดมาติดประดับในมุมต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีราคาสูงค่าเสมอไป เพราะแม้แต่ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวคุณเอง หรือเก็บสะสมมาจากสถานที่ต่าง ๆ แล้วนำมาใส่กรอบรูปแขวนผนังดีไซน์สวย ก็อาจช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับบ้านของคุณได้อย่างไม่น่า เชื่อ แถมยังแตกต่างไม่ซ้ำใครด้วย ซึ่งเกร็ดในการเลือกสรรงานศิลป์ มาตกแต่ง คุณอาจมองหาผลงานชิ้นที่มีโทนสีหรือองค์ประกอบเข้ากับโทน สีเดิมของบ้านอยู่แล้ว หรือจะค่อย ๆ ทำการปรับเปลี่ยนโทนสีของมุมนั้น ๆ เพื่อให้เข้ากับผลงานชิ้นโปรดของคุณ เป็นการเปลี่ยนอารมณ์ของบ้านไปในตัวเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวก
การประดับผนังด้วยกระจกเงาก็นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงามโดดเด่น แต่กระจกเงายังทำหน้าที่กระจายแสงสว่าง และช่วยเพิ่มมิติมุมมองให้บ้านดูแตกต่างและโปร่ง กว้างกว่าความเป็นจริง โดยในปัจจุบันมีการผลิต กระจกเงาแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาให้เลือกสรร ทั้งกระจกเงาสีชาและสีดำ ที่จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศของ บ้านให้อบอวลไปด้วยความเรียบโก้ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความสมัยใหม่ไม่หยุดนิ่งกับความจำเจ
ส่วนท่านเจ้าของบ้านที่พอจะมีฝีไม้ลาย มือทางด้านศิลปะ อาจลองใช้ผนังบ้านของตัวเองเป็นสนามในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยจะทำการเพ้นท์ประดับด้วยภาพหรือลวดลายต่าง ๆ ทั้งลายต้นไม้ ใบหญ้า ที่ชวนให้รู้สึกถึงกลิ่นอายธรรมชาติ หรือเพนท์ประดับด้วยลวดลายย้อนยุค หรือลาย กราฟิกสมัยใหม่ ก็น่าจะเพิ่มความสวยงามและ คุณค่าทางจิตใจได้ไม่น้อย นอกจากนี้กระเบื้องโมเสกที่นิยมนำมาใช้ปูพื้นบ้าน ก็สามารถนำมาประยุกต์ตกแต่งผนังได้ โดยอาจเพิ่มความแตกต่างด้วยการนำมากรุประดับเป็นลวดลายต่าง ๆ แทนการใช้สีเพ้นท์
ผนังโล่ง ๆ ยังอาจเพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้โดยออกแบบเป็นช่องชั้น สำหรับวางหนังสือและของตกแต่ง ซึ่งอาจเพิ่มลูกเล่นโดยนำโทนสีจัด หรือสีเมทัลลิกมาตกแต่งส่วนขอบ ช่วยให้ผนังแลดูมีสีสันและลวดลายที่แปลกตา หรือเพิ่มความเก๋ไก๋โดยดีไซน์เป็นรูปตัวอักษร หรือนำลวดลายที่ชื่นชอบมาดัดแปลงลดทอนรายละเอียด อย่างลวดลายจีน หรือลายแบบตะวันตก โดยควรออกแบบเว้นระยะช่องไฟให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้แลดูอึด อัดจนเกินไป เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ผนังสวย ๆ แถมด้วยประโยชน์ใช้สอย ที่ช่วยเพิ่มความสุขในการอยู่อาศัยได้ไม่น้อยแล้ว.
การตกแต่งผนังบ้านเรียบโล่งให้สวยงาม สะท้อนรสนิยมอันเป็นเอกลักษณ์ อาจเริ่มต้น ง่าย ๆ อย่างการเลือกหาภาพถ่าย หรืองานศิลป์ชิ้นโปรดมาติดประดับในมุมต่าง ๆ โดยไม่จำเป็นต้องเป็นของที่มีราคาสูงค่าเสมอไป เพราะแม้แต่ผลงานที่สร้างสรรค์ขึ้นมาด้วยตัวคุณเอง หรือเก็บสะสมมาจากสถานที่ต่าง ๆ แล้วนำมาใส่กรอบรูปแขวนผนังดีไซน์สวย ก็อาจช่วยเพิ่มความน่าสนใจให้กับบ้านของคุณได้อย่างไม่น่า เชื่อ แถมยังแตกต่างไม่ซ้ำใครด้วย ซึ่งเกร็ดในการเลือกสรรงานศิลป์ มาตกแต่ง คุณอาจมองหาผลงานชิ้นที่มีโทนสีหรือองค์ประกอบเข้ากับโทน สีเดิมของบ้านอยู่แล้ว หรือจะค่อย ๆ ทำการปรับเปลี่ยนโทนสีของมุมนั้น ๆ เพื่อให้เข้ากับผลงานชิ้นโปรดของคุณ เป็นการเปลี่ยนอารมณ์ของบ้านไปในตัวเลยก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสะดวก
การประดับผนังด้วยกระจกเงาก็นับเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง ที่ไม่เพียงช่วยเพิ่มความสวยงามโดดเด่น แต่กระจกเงายังทำหน้าที่กระจายแสงสว่าง และช่วยเพิ่มมิติมุมมองให้บ้านดูแตกต่างและโปร่ง กว้างกว่าความเป็นจริง โดยในปัจจุบันมีการผลิต กระจกเงาแบบใหม่ ๆ ขึ้นมาให้เลือกสรร ทั้งกระจกเงาสีชาและสีดำ ที่จะช่วยเปลี่ยนบรรยากาศของ บ้านให้อบอวลไปด้วยความเรียบโก้ เหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบความสมัยใหม่ไม่หยุดนิ่งกับความจำเจ
ส่วนท่านเจ้าของบ้านที่พอจะมีฝีไม้ลาย มือทางด้านศิลปะ อาจลองใช้ผนังบ้านของตัวเองเป็นสนามในการสร้างสรรค์ผลงาน โดยจะทำการเพ้นท์ประดับด้วยภาพหรือลวดลายต่าง ๆ ทั้งลายต้นไม้ ใบหญ้า ที่ชวนให้รู้สึกถึงกลิ่นอายธรรมชาติ หรือเพนท์ประดับด้วยลวดลายย้อนยุค หรือลาย กราฟิกสมัยใหม่ ก็น่าจะเพิ่มความสวยงามและ คุณค่าทางจิตใจได้ไม่น้อย นอกจากนี้กระเบื้องโมเสกที่นิยมนำมาใช้ปูพื้นบ้าน ก็สามารถนำมาประยุกต์ตกแต่งผนังได้ โดยอาจเพิ่มความแตกต่างด้วยการนำมากรุประดับเป็นลวดลายต่าง ๆ แทนการใช้สีเพ้นท์
ผนังโล่ง ๆ ยังอาจเพิ่มประโยชน์ใช้สอยได้โดยออกแบบเป็นช่องชั้น สำหรับวางหนังสือและของตกแต่ง ซึ่งอาจเพิ่มลูกเล่นโดยนำโทนสีจัด หรือสีเมทัลลิกมาตกแต่งส่วนขอบ ช่วยให้ผนังแลดูมีสีสันและลวดลายที่แปลกตา หรือเพิ่มความเก๋ไก๋โดยดีไซน์เป็นรูปตัวอักษร หรือนำลวดลายที่ชื่นชอบมาดัดแปลงลดทอนรายละเอียด อย่างลวดลายจีน หรือลายแบบตะวันตก โดยควรออกแบบเว้นระยะช่องไฟให้เหมาะสมเพื่อไม่ให้แลดูอึด อัดจนเกินไป เพียงเท่านี้คุณก็จะได้ผนังสวย ๆ แถมด้วยประโยชน์ใช้สอย ที่ช่วยเพิ่มความสุขในการอยู่อาศัยได้ไม่น้อยแล้ว.
เกร็ดและไอเดียใช้วัสดุตกแต่งพื้นบ้าน
วิถีประจำวันภายในบ้านของเรานั้นต้องผูกพันกับ “พื้น”
อยู่ตลอดเวลา
เพราะพื้นไม่เพียงครอบคลุมพื้นที่ส่วนใหญ่ในบ้าน
แต่ยังทำหน้าที่รองรับน้ำหนักกดทับต่าง ๆ ด้วย
จึงเป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม
วัสดุปูพื้นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ได้แก่ ไม้ หิน และกระเบื้องเคลือบ สำหรับวัสดุประเภทไม้นั้น แบ่งย่อยออกเป็น ไม้โซลิด (Solid Wood) หรือไม้จริงทั้งแผ่น โดยชนิดที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปได้แก่ ไม้แดง ไม้มะค่า และไม้สัก มีคุณสมบัติเด่น คือมีความแข็งแรงทนทาน มีสีสันสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังสามารถขัดหรือทำสีใหม่ได้อยู่ตลอดแม้ใช้ไปนานวัน ทำให้ราคาค่อนข้างสูง ส่วนพื้นไม้อีกประเภทคือ ไม้เอ็นจิเนีย (Engineered Wood) เป็นการผสมผสานระหว่างผิวหน้าซึ่งเป็นไม้จริง นำมาประกบลงบนแผ่นไม้สนหรือไม้ยาง ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน ช่วยลดปริมาณการใช้ทรัพยากรไม้ จึงมีราคาย่อมเยากว่า และมีขั้นตอนการติดตั้งง่าย แต่หากจะใช้ไม้ก็ควรคำนึงถึงรูปแบบการใช้งานในแต่ละส่วน ประกอบด้วย
แต่วัสดุสังเคราะห์ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริงและ กำลังได้รับความนิยม ได้แก่ พื้นลามิเนต ซึ่งเป็นการนำเยื่อไม้มาบดละเอียดและอัดขึ้นมาเป็นแผ่น จากนั้นปิดผิวหน้าด้วยแผ่นพีวีซี จึงทำให้มีหลากหลายลวดลาย และสีสัน ราคาย่อมเยา รวมทั้งประหยัดเวลาในการติดตั้ง แต่ก็มีความแข็งแรงทนทานต่ำกว่าไม้จริงมาก
หิน ถือเป็นวัสดุปูพื้นอีกประเภทที่ได้รับความนิยมมาก เพราะช่วยเพิ่มความสวยงามภูมิฐานให้กับบ้าน ทว่าหินแต่ละประเภทก็มีข้อเด่นข้อด้อยที่แตกต่างกัน เช่น หินอ่อน แม้มีสีสันให้เลือกมากมาย ไม่ผุกร่อนได้ง่าย แต่ก็มีพื้นผิวอ่อน จึงเหมาะจะนำไปใช้งานเฉพาะภายในบ้านหรือบริเวณที่ไม่เสี่ยง ต่อการเกิดรอยขีดข่วน ส่วนหินแกรนิตนั้น เป็นวัสดุที่สามารถทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก แต่ก็มีสีสันให้เลือกน้อยกว่า
สำหรับพื้นกระเบื้องเคลือบ มีข้อดีคือ มีความแข็งแรง มีหลายแบบหลายลวดลายให้เลือก ดูแลรักษาง่าย และมีสนนราคาไม่สูง นัก อีกทั้งในปัจจุบันก็มีการผลิตกระเบื้องเคลือบเลียนแบบลายไม้ และลายหิน ขึ้นมาทดแทน การใช้วัสดุธรรมชาติ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย ส่วนในด้านการใช้งานนั้น ควรคำนึงถึงอนาคตเมื่อกระเบื้องปูพื้นเกิดการแตกหักเสีย หาย ซึ่งอาจป้องกันโดยซื้อกระเบื้องลายนั้น ๆ เก็บไว้ เผื่อในกรณีที่มีการเลิกผลิตกระเบื้องลายนั้นไปแล้ว
ในการเลือกสรรวัสดุปูพื้น อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงควบคู่ไปด้วยก็คือ สไตล์ของ บ้าน และโทนสีของเครื่องเรือน เพราะถ้าท่านติดตั้งไปแล้ว แต่เกิดไม่ถูกใจ หรือแลดูไม่เข้าบรรยากาศโดยรวมของบ้าน การมาเปลี่ยนแปลงใหม่ภายหลังจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ซึ่งไม่ว่าท่านจะเลือกหรือชื่นชอบวัสดุปูพื้นแบบใด ในขั้นตอนสุดท้ายก็อย่าลืมเพิ่มความสวยงามยิ่งขึ้น โดยเลือกหาพรมชิ้น หรือเสื่อทอลายสวยมาวางประดับเพิ่มความโดดเด่นน่าสนใจให้ กับแต่ละมุม เพื่อให้บ้านของท่านแลดูมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร.
ขอบคุณ นสพ เดลินิวส์
วัสดุปูพื้นที่นิยมใช้กันมากในปัจจุบัน ได้แก่ ไม้ หิน และกระเบื้องเคลือบ สำหรับวัสดุประเภทไม้นั้น แบ่งย่อยออกเป็น ไม้โซลิด (Solid Wood) หรือไม้จริงทั้งแผ่น โดยชนิดที่นิยมใช้กันโดยทั่วไปได้แก่ ไม้แดง ไม้มะค่า และไม้สัก มีคุณสมบัติเด่น คือมีความแข็งแรงทนทาน มีสีสันสวยงามเป็นธรรมชาติ และยังสามารถขัดหรือทำสีใหม่ได้อยู่ตลอดแม้ใช้ไปนานวัน ทำให้ราคาค่อนข้างสูง ส่วนพื้นไม้อีกประเภทคือ ไม้เอ็นจิเนีย (Engineered Wood) เป็นการผสมผสานระหว่างผิวหน้าซึ่งเป็นไม้จริง นำมาประกบลงบนแผ่นไม้สนหรือไม้ยาง ซึ่งเป็นไม้เนื้ออ่อน ช่วยลดปริมาณการใช้ทรัพยากรไม้ จึงมีราคาย่อมเยากว่า และมีขั้นตอนการติดตั้งง่าย แต่หากจะใช้ไม้ก็ควรคำนึงถึงรูปแบบการใช้งานในแต่ละส่วน ประกอบด้วย
แต่วัสดุสังเคราะห์ที่ให้ความรู้สึกใกล้เคียงกับไม้จริงและ กำลังได้รับความนิยม ได้แก่ พื้นลามิเนต ซึ่งเป็นการนำเยื่อไม้มาบดละเอียดและอัดขึ้นมาเป็นแผ่น จากนั้นปิดผิวหน้าด้วยแผ่นพีวีซี จึงทำให้มีหลากหลายลวดลาย และสีสัน ราคาย่อมเยา รวมทั้งประหยัดเวลาในการติดตั้ง แต่ก็มีความแข็งแรงทนทานต่ำกว่าไม้จริงมาก
หิน ถือเป็นวัสดุปูพื้นอีกประเภทที่ได้รับความนิยมมาก เพราะช่วยเพิ่มความสวยงามภูมิฐานให้กับบ้าน ทว่าหินแต่ละประเภทก็มีข้อเด่นข้อด้อยที่แตกต่างกัน เช่น หินอ่อน แม้มีสีสันให้เลือกมากมาย ไม่ผุกร่อนได้ง่าย แต่ก็มีพื้นผิวอ่อน จึงเหมาะจะนำไปใช้งานเฉพาะภายในบ้านหรือบริเวณที่ไม่เสี่ยง ต่อการเกิดรอยขีดข่วน ส่วนหินแกรนิตนั้น เป็นวัสดุที่สามารถทนต่อรอยขีดข่วนได้ดี สามารถใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอก แต่ก็มีสีสันให้เลือกน้อยกว่า
สำหรับพื้นกระเบื้องเคลือบ มีข้อดีคือ มีความแข็งแรง มีหลายแบบหลายลวดลายให้เลือก ดูแลรักษาง่าย และมีสนนราคาไม่สูง นัก อีกทั้งในปัจจุบันก็มีการผลิตกระเบื้องเคลือบเลียนแบบลายไม้ และลายหิน ขึ้นมาทดแทน การใช้วัสดุธรรมชาติ เพื่อเป็นอีกทางเลือกหนึ่งด้วย ส่วนในด้านการใช้งานนั้น ควรคำนึงถึงอนาคตเมื่อกระเบื้องปูพื้นเกิดการแตกหักเสีย หาย ซึ่งอาจป้องกันโดยซื้อกระเบื้องลายนั้น ๆ เก็บไว้ เผื่อในกรณีที่มีการเลิกผลิตกระเบื้องลายนั้นไปแล้ว
ในการเลือกสรรวัสดุปูพื้น อีกสิ่งหนึ่งที่ควรคำนึงถึงควบคู่ไปด้วยก็คือ สไตล์ของ บ้าน และโทนสีของเครื่องเรือน เพราะถ้าท่านติดตั้งไปแล้ว แต่เกิดไม่ถูกใจ หรือแลดูไม่เข้าบรรยากาศโดยรวมของบ้าน การมาเปลี่ยนแปลงใหม่ภายหลังจะกลายเป็นเรื่องยุ่งยาก ซึ่งไม่ว่าท่านจะเลือกหรือชื่นชอบวัสดุปูพื้นแบบใด ในขั้นตอนสุดท้ายก็อย่าลืมเพิ่มความสวยงามยิ่งขึ้น โดยเลือกหาพรมชิ้น หรือเสื่อทอลายสวยมาวางประดับเพิ่มความโดดเด่นน่าสนใจให้ กับแต่ละมุม เพื่อให้บ้านของท่านแลดูมีเอกลักษณ์ไม่ซ้ำใคร.
ขอบคุณ นสพ เดลินิวส์
บ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของผู้บริหารหนุ่มที่ควบตำแหน่งนักร้อง เสียงดี
เพราะอยากให้ความรู้สึกเหมือนอยู่นอกบ้านตลอดเวลาที่อยู่ใน
บ้าน
จึงทำให้บ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของผู้บริหารหนุ่มที่
ควบตำแหน่งนักร้อง เสียงดีอย่าง บุรินทร์
เพราะอยากให้ความรู้สึกเหมือนอยู่นอกบ้านตลอดเวลาที่อยู่ใน บ้าน จึงทำให้บ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของผู้บริหารหนุ่มที่ ควบตำแหน่งนักร้องเสียงดีอย่าง บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้ามหานคร จำกัด และนักร้องนำแห่งวงกรู๊ฟไรเดอร์ส เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ไม่มีผนังยกเว้นตรงส่วนหน้า บ้านเท่านั้น
แม้ภายนอกและองค์ประกอบโดยรวมของบ้านหลังนี้จะดูเรียบง่าย แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์กลับต้องใช้เวลานานกว่าที่คิด จากที่ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอตอนแต่งงานกับคุณสิชล จึงกลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่ต้อนรับสมาชิกใหม่ของบ้านอย่าง น้องบูรพาแทน
“ที่จริงตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอแต่แต่งไปแล้ว 3 ปีเพิ่งจะสร้างเสร็จ เพราะเปลี่ยนแบบบ่อยกว่าจะมาลงตัวที่บ้านเหมือนกล่อง 3 กล่องเล็กที่วางอยู่บนกล่องใหญ่”
จากบ้านในฝันครั้งแรกกับบ้านแบบหน้าจั่วธรรมดา ถูกปรับเปลี่ยนแบบมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นบ้านที่คล้ายกับเอาคอนเทเนอร์มา ตั้งซ้อนกัน แต่ความจริงแล้วโครงสร้างของบ้านระหว่างชั้นบนกับชั้นล่าง นั้นแยกออกจากกัน และจะต้องไม่มีเสาภายในมาบังให้รกตา ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า ปกติ
ภายในบ้านที่ล้อมด้วยกระจกรอบด้านที่สามารถมองเห็นกันได้ จากทุกห้องนั้น ยามฤดูร้อนอาจต้องพึ่งความเย็นจากแอร์ แต่หากช่วงไหนที่อากาศเย็นสบาย บ้านหลังนี้แทบจะไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ทำความเย็น เพราะหน้าต่างที่ทำหน้าที่เป็นผนังไปในตัวนั้นจะถูกเปิด โล่งเพื่อรับลม ซึ่งจะ ต้องมีการวางตัวบ้านให้ถูกทิศทางด้วย
บันไดที่อยู่ขวางหน้าประตูและกึ่งกลางของบ้านอาจดูขัดตา แต่บุรินทร์ก็แก้ไขส่วนนี้ด้วยการใช้ไม้ระแนงตีปิดเพื่อแยก ส่วน ซึ่งเป็นการพรางตาและเพิ่มมิติให้กับบ้านยามแสงแดดส่องไป ในตัว
ห้องทานข้าวเป็นห้องที่บุรินทร์ให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นส่วนที่ทุกคนในครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกัน ขนาดจึงกว้างเป็นพิเศษ โดยมีห้องครัวฝรั่งอยู่ถัดไปและครัวไทยแยกอยู่ด้านนอก ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นห้องรับแขกและห้องฟังเพลงขนาดไม่ เล็กไม่ใหญ่ เช่นเดียวกับห้องนอน 2 ห้องด้านบนและห้องทำงานอีกห้องที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้อง นอนอีกห้องได้ในอนาคตหากว่ามีสมาชิกเพิ่มขึ้น
การตกแต่งภายในนั้นบุรินทร์ไม่นิยมใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน เพราะหากคิด ปรับเปลี่ยนภายหลังอาจเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนตู้ปลาขนาดใหญ่ที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้น้ำนานาชนิดนั้น เขาให้เหตุผลว่าชอบอะไรที่มันรก ๆ ดูเป็นธรรมชาติ ต่างกับส่วนอื่นของบ้านที่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีอะไรรกตาแม้ว่าจะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วย.
credit : www.dailynew.com
เพราะอยากให้ความรู้สึกเหมือนอยู่นอกบ้านตลอดเวลาที่อยู่ใน บ้าน จึงทำให้บ้านสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกของผู้บริหารหนุ่มที่ ควบตำแหน่งนักร้องเสียงดีอย่าง บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ กรรมการบริหาร บริษัท โตโยต้ามหานคร จำกัด และนักร้องนำแห่งวงกรู๊ฟไรเดอร์ส เกือบจะเรียกได้ว่าเป็นบ้านที่ไม่มีผนังยกเว้นตรงส่วนหน้า บ้านเท่านั้น
แม้ภายนอกและองค์ประกอบโดยรวมของบ้านหลังนี้จะดูเรียบง่าย แต่กว่าจะเสร็จสมบูรณ์กลับต้องใช้เวลานานกว่าที่คิด จากที่ตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอตอนแต่งงานกับคุณสิชล จึงกลายมาเป็นบ้านหลังใหม่ที่ต้อนรับสมาชิกใหม่ของบ้านอย่าง น้องบูรพาแทน
“ที่จริงตั้งใจจะใช้เป็นเรือนหอแต่แต่งไปแล้ว 3 ปีเพิ่งจะสร้างเสร็จ เพราะเปลี่ยนแบบบ่อยกว่าจะมาลงตัวที่บ้านเหมือนกล่อง 3 กล่องเล็กที่วางอยู่บนกล่องใหญ่”
จากบ้านในฝันครั้งแรกกับบ้านแบบหน้าจั่วธรรมดา ถูกปรับเปลี่ยนแบบมาเรื่อย ๆ จนกลายเป็นบ้านที่คล้ายกับเอาคอนเทเนอร์มา ตั้งซ้อนกัน แต่ความจริงแล้วโครงสร้างของบ้านระหว่างชั้นบนกับชั้นล่าง นั้นแยกออกจากกัน และจะต้องไม่มีเสาภายในมาบังให้รกตา ซึ่งเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ต้องใช้เวลาก่อสร้างนานกว่า ปกติ
ภายในบ้านที่ล้อมด้วยกระจกรอบด้านที่สามารถมองเห็นกันได้ จากทุกห้องนั้น ยามฤดูร้อนอาจต้องพึ่งความเย็นจากแอร์ แต่หากช่วงไหนที่อากาศเย็นสบาย บ้านหลังนี้แทบจะไม่ต้องอาศัยอุปกรณ์ทำความเย็น เพราะหน้าต่างที่ทำหน้าที่เป็นผนังไปในตัวนั้นจะถูกเปิด โล่งเพื่อรับลม ซึ่งจะ ต้องมีการวางตัวบ้านให้ถูกทิศทางด้วย
บันไดที่อยู่ขวางหน้าประตูและกึ่งกลางของบ้านอาจดูขัดตา แต่บุรินทร์ก็แก้ไขส่วนนี้ด้วยการใช้ไม้ระแนงตีปิดเพื่อแยก ส่วน ซึ่งเป็นการพรางตาและเพิ่มมิติให้กับบ้านยามแสงแดดส่องไป ในตัว
ห้องทานข้าวเป็นห้องที่บุรินทร์ให้ความสำคัญมากที่สุด เพราะเป็นส่วนที่ทุกคนในครอบครัวจะได้อยู่ร่วมกัน ขนาดจึงกว้างเป็นพิเศษ โดยมีห้องครัวฝรั่งอยู่ถัดไปและครัวไทยแยกอยู่ด้านนอก ส่วนพื้นที่ที่เหลือเป็นห้องรับแขกและห้องฟังเพลงขนาดไม่ เล็กไม่ใหญ่ เช่นเดียวกับห้องนอน 2 ห้องด้านบนและห้องทำงานอีกห้องที่สามารถปรับเปลี่ยนเป็นห้อง นอนอีกห้องได้ในอนาคตหากว่ามีสมาชิกเพิ่มขึ้น
การตกแต่งภายในนั้นบุรินทร์ไม่นิยมใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน เพราะหากคิด ปรับเปลี่ยนภายหลังอาจเป็นเรื่องใหญ่ ส่วนตู้ปลาขนาดใหญ่ที่รกครึ้มไปด้วยต้นไม้น้ำนานาชนิดนั้น เขาให้เหตุผลว่าชอบอะไรที่มันรก ๆ ดูเป็นธรรมชาติ ต่างกับส่วนอื่นของบ้านที่ถูกจัดเก็บอย่างเป็นระเบียบ ไม่มีอะไรรกตาแม้ว่าจะมีเจ้าตัวเล็กอยู่ด้วย.
Picture :Internet
วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
รู้จักสไตล์ต่าง ๆ ก่อนการแต่งบ้าน (2)
โมเดิร์น สไตล์ (Modern Style)
เริ่มมีเข้ามาตั้งแต่สมัยการปฏิวัติ
งานตกแต่งที่ดูจะฟุ่มเฟือยของยุคเก่า
โดยเป็นลักษณะการตัดทอนรายละเอียดต่างๆ
โมเดิร์น สไตล์ (Modern Style) เริ่มมีเข้ามาตั้งแต่สมัยการปฏิวัติ งานตกแต่งที่ดูจะฟุ่มเฟือยของยุคเก่า โดยเป็นลักษณะการตัดทอนรายละเอียดต่าง ๆ ในงานออกแบบที่ไม่จำเป็นออกไป และเน้นเรื่องของการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดูเรียบง่าย ตรงไปตรงมา จุดเด่นอยู่ที่ความชัดเจนของรูปทรงเรขาคณิตที่แต่ละจุด แต่ละส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อผลการใช้สอยเท่านั้น ในโทนสีขาว ดำ และแม่สีทั้งสาม คือ แดง เหลืองและน้ำเงิน ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวโดยส่วนใหญ่ ของประดับตกแต่งมักน้อยชิ้น แต่เน้นไปตามความชอบของเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ ไม่มีแนวทางหรือต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ระบุเจาะจงลงไป
คันทรี่ สไตล์ (Country Style) สไตล์นี้ดูจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่บรรยากาศที่เน้น วัสดุโชว์ผิวลายธรรมชาติ เช่น ผิวลายของเสี้ยนไม้ ความขรุขระของหิน เป็นต้น อาจมีการเน้นบรรยากาศธรรมชาติด้วยแสงสว่างจากเทียนหอมหรือ โคม แทนการใช้ไฟจากหลอดนีออนหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์
โอเรียนทัล สไตล์ (Oriental Style) นับเป็นสไตล์ที่เชิดหน้าชูตาสำหรับชาวตะวันออก ตั้งแต่ตัวบ้านที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและ สภาพภูมิอากาศ โดยใช้วัสดุหาง่ายในท้องถิ่น การตกแต่งเน้นความเรียบง่ายตามวิถีของชนชาวเอเชีย ตัวอย่างเช่น ใช้พื้นเป็นไม้หรือกระเบื้องดินเผาเคลือบ ผนังเป็นฝาปะกนหรือฝาผนังกระดาษเลื่อนได้แบบญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่ของประดับต่าง ๆ ซึ่งมาจากช่างพื้นบ้าน เช่น งานผ้าไหม งานฝังมุก เครื่องถมลงรักปิดทอง เครื่องจักสานหรืองานเขียนลายผ้า เป็นต้น
ในความเป็นจริงทุกคนรู้และเข้าใจความต้องการของตนเองดี อยู่แล้ว เพียงแต่มีการใส่ใจใฝ่หาความรู้และข้อมูลเพิ่มเติมอีกสัก นิด มาช่วยให้เกิดแนวทางใหม่ ๆ อาจเสียเวลาและใช้ความคิดเพิ่มสักหน่อย เท่านี้คำว่า “ง่าย” และ “ลงตัว” ก็จะตามมา และลบคำว่า “ผิดพลาด” ไปได้อย่างไร้กังวล.
บ้านในฝัน
โมเดิร์น สไตล์ (Modern Style) เริ่มมีเข้ามาตั้งแต่สมัยการปฏิวัติ งานตกแต่งที่ดูจะฟุ่มเฟือยของยุคเก่า โดยเป็นลักษณะการตัดทอนรายละเอียดต่าง ๆ ในงานออกแบบที่ไม่จำเป็นออกไป และเน้นเรื่องของการใช้งานให้มีประสิทธิภาพสูงสุด ดูเรียบง่าย ตรงไปตรงมา จุดเด่นอยู่ที่ความชัดเจนของรูปทรงเรขาคณิตที่แต่ละจุด แต่ละส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อผลการใช้สอยเท่านั้น ในโทนสีขาว ดำ และแม่สีทั้งสาม คือ แดง เหลืองและน้ำเงิน ใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวโดยส่วนใหญ่ ของประดับตกแต่งมักน้อยชิ้น แต่เน้นไปตามความชอบของเจ้าของบ้านเป็นสำคัญ ไม่มีแนวทางหรือต้องอย่างนั้นต้องอย่างนี้ระบุเจาะจงลงไป
คันทรี่ สไตล์ (Country Style) สไตล์นี้ดูจะเหมาะกับผู้ที่ชื่นชอบและหลงใหลในธรรมชาติ จุดเด่นอยู่ที่บรรยากาศที่เน้น วัสดุโชว์ผิวลายธรรมชาติ เช่น ผิวลายของเสี้ยนไม้ ความขรุขระของหิน เป็นต้น อาจมีการเน้นบรรยากาศธรรมชาติด้วยแสงสว่างจากเทียนหอมหรือ โคม แทนการใช้ไฟจากหลอดนีออนหรือหลอดฟลูออเรสเซนต์
โอเรียนทัล สไตล์ (Oriental Style) นับเป็นสไตล์ที่เชิดหน้าชูตาสำหรับชาวตะวันออก ตั้งแต่ตัวบ้านที่ถูกออกแบบให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและ สภาพภูมิอากาศ โดยใช้วัสดุหาง่ายในท้องถิ่น การตกแต่งเน้นความเรียบง่ายตามวิถีของชนชาวเอเชีย ตัวอย่างเช่น ใช้พื้นเป็นไม้หรือกระเบื้องดินเผาเคลือบ ผนังเป็นฝาปะกนหรือฝาผนังกระดาษเลื่อนได้แบบญี่ปุ่น จุดเด่นอยู่ที่ของประดับต่าง ๆ ซึ่งมาจากช่างพื้นบ้าน เช่น งานผ้าไหม งานฝังมุก เครื่องถมลงรักปิดทอง เครื่องจักสานหรืองานเขียนลายผ้า เป็นต้น
ในความเป็นจริงทุกคนรู้และเข้าใจความต้องการของตนเองดี อยู่แล้ว เพียงแต่มีการใส่ใจใฝ่หาความรู้และข้อมูลเพิ่มเติมอีกสัก นิด มาช่วยให้เกิดแนวทางใหม่ ๆ อาจเสียเวลาและใช้ความคิดเพิ่มสักหน่อย เท่านี้คำว่า “ง่าย” และ “ลงตัว” ก็จะตามมา และลบคำว่า “ผิดพลาด” ไปได้อย่างไร้กังวล.
บ้านในฝัน
credit:dailynew.th.co
รู้จักสไตล์ต่าง ๆ ก่อนการแต่งบ้าน (1)
ผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านหรือกำลังจะเป็นก็ตาม
ก่อนการเลือกบ้านหรือตกแต่งบ้านนั้น
ควรตรองดูให้ถี่ถ้วนสักนิดถึงความชอบ ความพึงพอใจ
ความต้องการหรือประโยชน์ใช้สอยที่แท้จริงของตัวท่านและสมาชิก
ทุกคนในบ้าน
เพราะการที่เรามีบ้านและรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบ้านจริง ๆ
มีผลต่อการใช้ชีวิตที่นำมาซึ่งความสุขทั้งกายและใจ
แต่หากเลือกเพียงเพราะดูสวยงาม โก้หรู
แต่เมื่อต้องใช้อยู่จริงกลับอึดอัด ตัวลีบเล็กลง เพราะ
“ความต่าง” ของบ้านกับวิถีความเป็นอยู่ของผู้อาศัย
ผลคือสูญเปล่า แถมยังติดลบ
ทั้งต่อค่าใช้จ่ายและต่อความรู้สึกของตนเอง
ในส่วนนี้จึงต้องการนำเสนอจุดเด่นของรูปแบบการตกแต่งบ้าน ในสไตล์ต่าง ๆ อย่างกว้าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานและเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ ที่จะเลือกทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หรือนำมาผสมผสานกันให้เกิดความลงตัวใน “สไตล์ของคุณ”
พีเรียด สไตล์ (Period Style) ถือเป็นตกแต่งในแบบเก่าแก่ ซึ่งมาจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่ เริ่มตั้งแต่สมัยศิลปะยุคไบแซนไทน์และโกธิค เรื่อยมาจนถึงยุคเรอแนสซองซ์ รวมไปถึงโรมันและหลุยส์ด้วย งานตกแต่งของรูปแบบนี้จะเน้นความโอ่อ่า หรูหราและกว้างขวาง เน้นรายละเอียดของทุกจุดให้มีความงดงามด้วยการแกะสลักเป็น ลวดลายต่าง ๆ นิยมใช้หัวเสาสมัยกรีกมาตกแต่ง เช่น หัวเสาดอริก หัวเสาโครินเธียน เสมือนเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสไตล์นี้ เฟอร์นิเจอร์มักแสดงออกถึงความงดงาม ดูหรูหราด้วยงานแกะ พร้อมพ่นด้วยสีทองหรือมีความมันแวว มีเงาสะท้อน เช่น โคมไฟแก้วคริสตัล เชิงเทียนทองเหลือง ภาพประดับผนังที่เป็นภาพเขียนสีน้ำมัน ลักษณะภาพเหมือนหรือภาพทิวทัศน์ เข้ากรอบไม้แกะพ่นสีทอง เป็นต้น
คอนเทมโพรารี่ สไตล์ (Contemporary Style) หรือการตกแต่งแบบร่วมสมัย เป็นการผสมผสานระหว่างของเก่าและของใหม่ ซึ่งเป็นที่นิยมมาก เพราะไม่ได้เน้นหนักไปในสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง เป็นการง่ายในการจัดหาของประดับต่าง ๆ มาจัดวาง โดยหยิบเอาความคลาสสิกของยุคเก่ามาลดลวดลายให้เรียบง่าย ขึ้น ลดทอนรายละเอียดบางส่วนลง ผสานเข้ากับความต้องการของยุคสมัยปัจจุบัน ดูจะเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ยังชื่นชอบในความอ่อนช้อยของ ยุคเก่า แต่ต้องการความทันสมัยในรูปแบบของโมเดิร์น สไตล์ (Modern Style)
หัวใจหลักของการตกแต่งแบบนี้ คือ การใช้พื้นที่ภายในให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด สร้างจุดเด่นด้วยเสน่ห์จากของประดับ แบบเก่าและใหม่ จัดองค์ประกอบเข้าไว้ด้วยกัน รวมไปถึงการใช้วัสดุและเส้นสายเค้าโครงโดยรวมให้ดูกลมกลืน กัน เช่น เครื่องเรือนในรูปทรงสมัยใหม่ แต่บุผ้าที่มีลวดลายโบราณ เป็นการลดความรู้สึกแข็งกระด้างของงานออกแบบสมัยใหม่ลง ในขณะที่บางครั้งงานตกแต่งแบบพีเรียด (Period) ดูอ่อนช้อย เฉื่อยชาจนเกินไป อาจด้วยช่องว่างดังกล่าวจึงใช้ลักษณะแบบกลาง ๆ มาเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่งานตกแต่งแบบร่วมสมัยนี้จะใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เกือบทั้งสิ้น เพื่อเป็นการง่ายต่อการปรับเปลี่ยนในอนาคต
ติดตาม “รู้จักสไตล์ต่าง ๆ ก่อนการแต่งบ้าน (2)” ในฉบับวันเสาร์แรกของเดือนพฤษภาคม 2553.
บ้านในฝัน
ในส่วนนี้จึงต้องการนำเสนอจุดเด่นของรูปแบบการตกแต่งบ้าน ในสไตล์ต่าง ๆ อย่างกว้าง ๆ เพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานและเป็นแนวทางประกอบการตัดสินใจ ที่จะเลือกทิศทางใดทิศทางหนึ่ง หรือนำมาผสมผสานกันให้เกิดความลงตัวใน “สไตล์ของคุณ”
พีเรียด สไตล์ (Period Style) ถือเป็นตกแต่งในแบบเก่าแก่ ซึ่งมาจากยุโรปเป็นส่วนใหญ่ เริ่มตั้งแต่สมัยศิลปะยุคไบแซนไทน์และโกธิค เรื่อยมาจนถึงยุคเรอแนสซองซ์ รวมไปถึงโรมันและหลุยส์ด้วย งานตกแต่งของรูปแบบนี้จะเน้นความโอ่อ่า หรูหราและกว้างขวาง เน้นรายละเอียดของทุกจุดให้มีความงดงามด้วยการแกะสลักเป็น ลวดลายต่าง ๆ นิยมใช้หัวเสาสมัยกรีกมาตกแต่ง เช่น หัวเสาดอริก หัวเสาโครินเธียน เสมือนเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของสไตล์นี้ เฟอร์นิเจอร์มักแสดงออกถึงความงดงาม ดูหรูหราด้วยงานแกะ พร้อมพ่นด้วยสีทองหรือมีความมันแวว มีเงาสะท้อน เช่น โคมไฟแก้วคริสตัล เชิงเทียนทองเหลือง ภาพประดับผนังที่เป็นภาพเขียนสีน้ำมัน ลักษณะภาพเหมือนหรือภาพทิวทัศน์ เข้ากรอบไม้แกะพ่นสีทอง เป็นต้น
คอนเทมโพรารี่ สไตล์ (Contemporary Style) หรือการตกแต่งแบบร่วมสมัย เป็นการผสมผสานระหว่างของเก่าและของใหม่ ซึ่งเป็นที่นิยมมาก เพราะไม่ได้เน้นหนักไปในสไตล์ใดสไตล์หนึ่ง เป็นการง่ายในการจัดหาของประดับต่าง ๆ มาจัดวาง โดยหยิบเอาความคลาสสิกของยุคเก่ามาลดลวดลายให้เรียบง่าย ขึ้น ลดทอนรายละเอียดบางส่วนลง ผสานเข้ากับความต้องการของยุคสมัยปัจจุบัน ดูจะเหมาะอย่างยิ่งกับผู้ที่ยังชื่นชอบในความอ่อนช้อยของ ยุคเก่า แต่ต้องการความทันสมัยในรูปแบบของโมเดิร์น สไตล์ (Modern Style)
หัวใจหลักของการตกแต่งแบบนี้ คือ การใช้พื้นที่ภายในให้เกิดประโยชน์ใช้สอยสูงสุด สร้างจุดเด่นด้วยเสน่ห์จากของประดับ แบบเก่าและใหม่ จัดองค์ประกอบเข้าไว้ด้วยกัน รวมไปถึงการใช้วัสดุและเส้นสายเค้าโครงโดยรวมให้ดูกลมกลืน กัน เช่น เครื่องเรือนในรูปทรงสมัยใหม่ แต่บุผ้าที่มีลวดลายโบราณ เป็นการลดความรู้สึกแข็งกระด้างของงานออกแบบสมัยใหม่ลง ในขณะที่บางครั้งงานตกแต่งแบบพีเรียด (Period) ดูอ่อนช้อย เฉื่อยชาจนเกินไป อาจด้วยช่องว่างดังกล่าวจึงใช้ลักษณะแบบกลาง ๆ มาเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนใหญ่งานตกแต่งแบบร่วมสมัยนี้จะใช้เฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัว เกือบทั้งสิ้น เพื่อเป็นการง่ายต่อการปรับเปลี่ยนในอนาคต
ติดตาม “รู้จักสไตล์ต่าง ๆ ก่อนการแต่งบ้าน (2)” ในฉบับวันเสาร์แรกของเดือนพฤษภาคม 2553.
บ้านในฝัน
credit : dailynew.th.co
วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม พ.ศ. 2555
แต่งสวนสวยหรูไอเดียเริ่ดอลังการงานแต่ง(สวน)
เมื่อดีไซน์ยกห้องน้ำไปไว้ในสวนสุดหรูมีให้เลือกไม่ซ้ำแบบล้วนหรูเริ่ดอลังการงานแต่ง
ห้องน้ำในสวน
สวนมีพืชพื้นเมือง
ไม้กระดานปูให้เดินได้รอบๆ
ห้องน้ำในสวน
สวนมีพืชพื้นเมือง
ไม้กระดานปูให้เดินได้รอบๆ
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)