คลังบทความของบล็อก

วันเสาร์ที่ 30 มีนาคม พ.ศ. 2556

ไม้กลางบ้าน พืชผักอัสจรรย์ มากด้วยคุณค่า โภชนาการ และเป็นสมุนไพร รักษาโรค กว่า 300ชนิด"มะรุม"





มะรุมเป็นผักที่มีประโยชน์มากมาย ขณะนี้ผู้คนกำลังตื่นเต้นเรื่องมะรุมกันมาก จึงนำข้อมูลมาเพื่อการพิจารณากัน



การจำแนกชั้นทางวิทยาศาสตร์

อาณาจักร: Plantae
ชั้น: Magnoliopsida
อันดับ: Brassicales
วงศ์: Moringaceae
สกุล: Moringa
ชนิด: M. oleifera

มะรุม จัดเป็นพืชผักพื้นบ้านของไทย มีประโยชน์เอนกประสงค์ ทั้งทางด้านอาหาร ยาและอุตสาหกรรม เป็นไม้ยืนต้นที่โตเร็ว ทนแล้ง ปลูกง่ายในเขตร้อน อาจจะเติบโตมีความสูงถึง 4 เมตรและออกดอกภายในปีแรกที่ปลูก ใบเป็นใบประกอบแบบขนนก ชนิดที่แตกใบย่อย 3 ชั้น ยาว 20 - 40 ซม. ออกเรียงแบบสลับ ใบย่อยยาว 1 - 3 ซม. รูปไข่ ปลายใบและฐานใบมน ผิวใบด้านล่างสีอ่อนกว่าและมีขนเล็กน้อยขณะที่ใบยังอ่อน ใบมีรสหวานมัน ออกดอกในฤดูหนาว บางพันธุ์ออกดอกหลายครั้งในรอบปี ดอกเป็นดอกช่อ สีขาว กลีบเรียง มี 5 กลีบ กลีบดอกมี 5 กลีบแยกกัน ดอกมีรสขม หวาน มันเล็กน้อย ผลเป็นฝักยาว เปลือกสีเขียวมีส่วนคอดและส่วนมน เป็นระยะ ๆ ตามยาวของฝัก ฝักยาว 20 - 50 ซม. ฝักมีรสหวาน เมล็ดเป็นรูปสามเหลี่ยม มีปีกบางหุ้ม 3 ปีก เส้นผ่าศูนย์กลางของเมล็ดประมาณ 1 ซม.
มะรุมเป็นไม้ที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศแถบเอเชีย เช่น อินเดีย ศรีลังกา เป็นต้น และยังมีในเขตเอเชียไมเนอร์และแอฟริกา เป็นไม้ปลูกง่าย เจริญได้ดีในดินทุกชนิด ต้องการน้ำและความชื้นในปริมาณปานกลาง ขยายพันธุ์ด้วยการเพาะเมล็ดและการปักชำกิ่ง งอกเร็ว ใช้เวลา 2 สัปดาห์ต้นกล้าสูงประมาณ 10-20 เซนติเมตร



มะรุม พืชสมุนไพรมหัสจรรย์


หน้าที่ 1 - ประโยชน์ของมะรุม

เรื่องมะรุม 



         มะรุมไม้กลางบ้านของไทยที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายมาเป็นเวลานานนอกจากจะรับประทานอร่อยแล้ว ชาวอินเดียยังได้ทำการทดลองและเชื่อว่ามีคุณสมบัติในการรักษาโรคต่างๆได้ถึง 300 ชนิด องค์การสหประชาชาติได้ให้การสนับสนุนในการค้นคว้าและวิจัยอย่างกว้างขวางโดยเฉพาะในการรักษาโรคขาดอาหารและอาการตาบอดซึ่งเกิดขึ้นในเด็กแรกเกิดจนถึงวัยเจริญเดิบโตในประเทศด้อยพัฒนาเช่นกลุ่มประเทศในอาฟริกาตอนใต้และประเทศอินเดีย   กลุ่มองค์การกุศลมากมายได้หันมาให้ความสนใจอย่างจริงจังกับพันธุ์ไม้ชนิดนี้ รวมทั้งประเทศไทย กลุ่มนักศึกษาแพทย์จำนวน 25 ท่านจากมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ได้ทำการทดลองวิจัยในการที่จะนำมารักษาผู้ป่วยด้วย




         โรคงูสวัดแม้แต่กลุ่มประเทศอื่นๆเช่นอังกฤษ , เยอรมัน , รัสเซีย , ญี่ปุ่น , จีน , ก็หันมาให้ความสนใจและทำการค้นคว้าอย่างเร่งด่วนโดยเฉพาะเพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยเป็นโรคมะเร็ง   เบาหวาน โรคเอดส์ และอีกมากมาย


ประโยชน์คร่าวๆจากวารสารค้นคว้าที่พอจะอ้างอิงได้มีดังต่อไปนี้คือ 


      1. ใช้รักษาโรคขาดอาหารในเด็กแรกเกิด ถึง 10 ขวบ   และลดสถิติการเสียชีวิต พิการ   และตาบอด ได้เป็นอย่างดี

      2. ใช้รักษาผู้ป่วยเป็นโรคเบาหวานให้อยู่ในภาวะควบคุมได้   ทำให้สามารถลดการใช้ยาลงโดยความเห็นชอบและการดูแลอย่างใกล้ชิดของแพทย์ผู้รักษาด้วย

      3. รักษาโรคความดันโลหิตสูง

      4. ช่วยเพิ่มและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายถ้าแม้ทานผลิตผลจากมะรุมในระหว่างตั้งครรภ์เด็กที่เกิดมาจะไม่ติดเชื้อ HIV   นอกจากนี้ยังช่วยให้คนทั่วๆไปสามารถสร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวเองถ้ารับประทานอย่างน้อยอาทิตย์ละ 3 ครั้ง

      5. ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคเอดส์ให้อยู่ในภาวะควบคุมได้และสามารถมีชิวิตอยู่อย่างคนทั่วไปได้ในสังคมการรักษาโรคเอดส์ที่ประสพผลสำเร็จในกลุ่มประเทศอาฟริกา แม้แต่ในสหรัฐอเมริกาก็กำลังอยู่ในภาวะทดลอง

      6. ถ้ารับประทานสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันไม่ให้เป็นโรคมะเร็งแต่ถ้าหากเป็นก็จะช่วยให้การรักษาพยาบาลง่ายขึ้น   ในบางกรณีสามารถหยุดการเจริญเติบโตของโรคร้ายได้ถ้าใช้ควบคู่ไปกับยาแพทย์แผนปัจจุบันหากผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็งได้รับการรักษาด้วยรังสี   การดื่มน้ำมะรุมจะช่วยให้การแพ้รังสีฟื้นตัวเร็วขึ้นและมีร่างกายที่แข็งแรง

      7. ช่วยรักษาโรคไขข้ออักเสบ โรคเก๊า โรคกระดูกอักเสบ โรคมะเร็งในกระดูก   โรครูมาติซั่ม

      8. รักษาโรคตาเกือบทุกชนิด เช่น   โรคตามืดตามัวเพราะขาดสารอาหารที่จำเป็น โรคตาต้อ   เป็นต้นถ้ารับประทานสม่ำเสมอ   จะทำให้?ามีสุขภาพที่สมบูรณ์

      9. รักษาโรคลำไส้อักเสบ โรคเกี่ยวกับท้อง โรคพยาธิในลำไส้   เป็นต้น

      10. รักษาปอดให้แข็งแรง   รักษาโรคทางเดินของลมหายใจ และโรคปอดอักเสบ



         นอกจากนี้ต้นมะรุมยังมีคุณประโยชน์อีกมากมายซึ่งไม่สามารถที่จะนำมาอ้างอิงได้หมดในที่นี้     หากสนใจท่านสามารถหาอ่านได้จากเอกสารอ้างอิงกำกับท้ายเอกสารฉบับนี้


มะรุมเป็นพืชมหัศจรรย์ มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด กล่าวถึงในคัมภีร์ใบเบิ้ลว่าเป็นพืชที่รักษาทุกโรค

มีวิตามินซี  มากกว่าส้ม  7  เท่า

มีแคลเซี่ยมมากกว่านม  4  เท่า

มีวิตามินเอมากว่าแครอท  4  เท่า

มีโปแตสเซี่มมากกว่ากล้วย  3 เท่า

มีโปรตีนมากกว่านม  2 เท่า

 มะรุม ยาวิเศษสารพัดโรค 




ในคัมภีร์ไบเบิ้ลกล่าวไว้ว่า มะรุมเป็นพืชที่สามารถรักษาทุกโรค ไม่ว่าจะเป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคลำไส้อักเสบ โรคปอดอักเสบ ฆ่าจุลินทรีย์  หรือเป็นยาปฏิชีวนะ  และแต่ละส่วนของต้นมะรุม

ราก มีรสเผ็ด หวาน ขม แก้อาการบวม บำรุงไฟธาตุ

 เปลือกจากลำต้น  มีรสร้อน นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ ใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ แก้โรค  ปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี  รับประทานเป็นยาขับลมในลำไส้ ทำให้
ผายหรือเรอ คุมธาตุอ่อนๆ (ตัดต้นลมดีมาก) แพทย์ตามชนบท จะใช้เปลือกมะรุมสดๆ ตำบุบพอแตกๆ อมไว้ข้างแก้ม แล้วรับประทานสุราจะไม่รู้สึกเมา



 กระพี้  แก้ไข้สันนิบาดเพื่อลม


 ใบ  ช่วยแก้เลือดออกตามไรฟัน แก้อักเสบ ใบสดมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อนๆ มีแคลเซียม วิตามินซี แร่ธาตุและสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก นอกจากนี้ยังมีการค้นพบว่า ใบมะรุมมีโปรตีนสูงกว่า
นมสด 2 เท่า การกินใบมะรุมตามชนบทของประเทศกำลังพัฒนา และประเทศโลกที่ 3 เป็นการเพิ่มโปรตีนคุณภาพสูงราคาถูกให้กับอาหารพื้นบ้าน

ดอก  ช่วยบำรุงร่างกาย ขับปัสสาวะ ขับน้ำตา  ใช้ต้มทำน้ำชาดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย

ฝัก  รสหวาน แก้ไข้หรือลดไข้

น้ำ เมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันสามารถใช้ทำอาหาร รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า  รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง  แก้ผิวแห้ง  ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น  รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา



วิธีใช้ 
   
ใบสด   ควรรับประทานใบสดที่ไม่แก่หรืออ่อนจนเกินไปนัก   เพื่อให้ได้ประโยชน์เต็มที่
เด็กแรกเกิด - 1 ปี  คั้นน้ำจากใบเพียง 1หยด ผสมกับนมให้ดื่มเพียง 1หยด ต่อ 1-2 วัน ใบมะรุมนี้มีธาตุเหล็กสูงมาก   ฉะนั้นทารกในวัยเจริญเติบโต-2 ขวบ จึงไม่ควรทานมาก
เด็กที่เริ่มทานอาหารได้ถึง 3-4 ขวบ ควรทานวันละไม่เกิน2ใบ เพิ่มจำนวนขึ้นทีละใบตามอายุ จนถึง 10 ขวบ

เด็กวัยรุ่นและผู้ใหญ่ รับประทานวันละ 1 กิ่ง จะทานสดหรือประกอบอาหารก็ได้ ถ้าจะให้ได้ผลรวดเร็ว ควรคั้นน้ำดื่มประมาณวันละ 1 ช้อนโต๊ะสำหรับผู้ใหญ่ หรือ 1 ช้อนชาสำหรับเด็ก




          การรับประทานสุกควรลวกแต่พอควรเพราะการถูกความร้อนนานเกินไปจะทำให้สารอาหารหลายชนิดเสื่อมคุณภาพลงไปมาก ถ้าสามารถรับประทานสดได้จะดีมากใช้ทำสลัดรวมกับผักสด หรือวางบนแซนวิช


ผล  รับประทานได้ทั้งฝักอ่อนและฝักแก่พอสมควรฝักแก่จะใช้ลำบากเพราะต้องปอกเปลือกเช่นใช้แกงส้มหรือขูดเอาแต่เนื้อใน มาทำแกงกะหรี่  ฝักอ่อนขนาดถั่วฝักยาวสามารถนำมาทำอาหารได้มากมายหลายชนิด อาทิ เช่น แกงส้มฝักมะรุม ฝักมะรุมอ่อนผัดน้ำมันหอย ยำฝักมะรุมอ่อน(เหมือนยำถั่วพลู)

สลัดสดใบมะรุมผักรวม ทอดมันปลากับฝักมะรุมอ่อน  แกงเลียงฝักมะรุมอ่อนและใบมะรุม
แกงเผ็ดฝักมะรุมอ่อน  ไข่ยัดไส้ใบมะรุมหมูสับ  ดอกมะรุมชุบไข่ทอด
ผัดพริกขิงฝักมะรุมอ่อน  ผัดจืดฝักมะรุมอ่อนใส่ไข่และกุ้ง ผัดเผ็ดฝักมะรุมอ่อนยอดพริกไทยกับไก่
ฝักมะรุมอ่อนผัดขี้เมา  ไก่อบฝักมะรุมอ่อน   ยอดดอก  และฝักมะรุมอ่อนจิ้มน้ำพริก
ต้มจืดหมูสับใบมะรุมอ่อน  ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดสดต่างๆ   ราดหน้าฝักและใบมะรุมอ่อนไก่/หมู
แกงจืดใบมะรุมอ่อนเต้าหู้  ผัดฝักมะรุมอ่อนกับเห็ดหูหนู  จีน แกงจืดวุ้นเส้นใบมะรุมอ่อนใส่เห็ดสด  
แกงเขียวหวานหรือแกงแดงฝักมะรุมอ่อน(จะใส่เนื้อ หรือไก่ก็ได้ตามแต่ชอบ)
ยอดดอก และฝักมะรุมอ่อนชุบแป้งเทมปุระทอด  เหล่านี้เป็นต้น

เมล็ด  สามารถนำเมล็ดมะรุมมาสกัดน้ำมันเพื่อใช้ประโยชน์ได้มากมายเช่นใช้ทำอาหารได้ รักษาโรคปวดตามข้อ โรคเก๊า  รักษาโรครูมาติซั่ม และรักษาโรคผิวหนัง แก้ผิวแห้ง ใช้แทนยารักษาผิวให้ชุ่มชื้น รักษาโรคอันเกิดจากเชื้อรา



เปลือกจากลำต้น นำมาสับให้เป็นชิ้นเล็กๆใส่ผ้าห่อทำเป็นลูกประคบนึ่งให้ร้อนนำมาใช้ประคบ แก้โรคปวดหลัง ปวดตามข้อได้เป็นอย่างดี  * ร้านขายยาจีนนำมาใช้เข้าเครื่องยาจีนรักษาโรคหลายประเภท*


กากของเมล็ดกากที่เหลือจากการทำน้ำมันสามารถนำมาใช้ในการกรองหรือทำน้ำให้บริสุทธิ์เป็นน้ำดื่มได้กากของเมล็ดมีคุณสมบัติเป็นยาฆ่าเชื้อที่มีประสิทธิภาพสูงเป็นอย่างยิ่ง จากนั้นนำมาทำปุ๋ยต่อได้


ดอก ใช้ต้มทำน้ำชาใช้ดื่มช่วยให้นอนหลับสบาย


ใบตากแห้ง  สามารถนำใบมาตากแห้งโดยการตากในที่ร่มอย่าให้โดนแดดเมื่อแห้งสนิทดีแล้วนำมาป่นเป็นผงบรรจุในหลอดแคปซูลเพื่อสะดวกแก่การพกพาในกรณีที่เดินทางและหาใบสดไม่ได้ใช้ทำเป็นน้ำชาไว้ดื่มได้ตลอดวันแต่ใบแห้งจะขาดไวตามินซีและไวตามินบีต?อลีนและแร่ธาตุบางจำพวกที่สูญหายในระหว่างการทำให้แห้งควรเก็บผงมะรุมไว้ในที่มืดเช่นขวดพลาสติกชนิดทึบเพื่ อ กั นการเสื่อมคุณภาพแต่คุณสมบัติอื่นๆ  ยังคงเดิมเนื่องจากมะรุมเป็นพืชสมุนไพรกลางบ้านดังนั้นการให้ผลย่อมช้ากว่ายาแผนสมัยใหม่การที่จะใช้ให้ได้ผลอย่างจริงจังต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่า 3 เดือนและต้องใช้ติดต่อกันอย่างสม่ำเสมอจะให้ผลเป็นที่น่าพอใจร่างกายจะแข็งแรงอยู่เสมอคนธรรมดาที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับโรคก็สามารถใช้ได้เพื่อป้องกันตัวเองจากการติดเชื้อต่างๆ  สร้างภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกายเป็นอย่างดียิ่ง




       เอกสารอ้างอิง:
Nature's Medicine Cabinet by Sanford  Holst

The Miracle Tree by Lowell Fuglie
LA times
March 27th 2000  article wrote by Mark Fritz.
WWW.PUBMED.GOV .  (Search for Moringa) (Antiviral Research Volume 60, Issue 3, Nov. 2003,  Pages 175-180: Depts. of Microbiology, Pharmaceutical Botany,  Pharmacology, Faculty of Pharmaceutical Science, Chulalongkorn University ,   Bangkok 10330 , Thailand . Corresponding author. Tel.: +66-2-218-8378; fax  +66-2-254-5195)



ขอขอบคุณข้อมูลดีๆจาก บ้านยาสมุนไพร