คลังบทความของบล็อก

วันเสาร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2556

เรื่องสาะรน่าคิดสำหรับห้องน้ำในอดีตและปัจจุบัน


ห้องส้วม ถูกมองว่า เป็นห้องที่ไม่พึงปรารถนา และเป็นที่น่ารังเกียจ ของคนทั่วไป สมัยก่อนห้องส้วมจะต้องแยกออกไปอยู่นอกตัวบ้าน จะไม่นำมาปะปนในบ้านเหมือนเช่นทุกวันนี้ ซึ่งเหตุผลก็มาเรื่องของกลิ่นที่ไม่สะอาดนั่นเอง


     ปัจจุบัน ห้องน้ำห้องส้วม ได้กลายเป็นเครื่องประดับชิ้นหนึ่งในบ้านไปแล้ว บางบ้านย่อมเสียเงินตกแต่งห้องน้ำเป็นแสนๆ เพื่อให้ห้องน้ำดูหรูหราน่าใช้ เพราะห้องน้ำห้องส้วมสมัยนี้ ไม่ใช่เป็นที่ใช้สำหรับถ่ายทุกข์เพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นทั้งห้องอาบน้ำ แต่งตัว ขัดผิว ทาครีมนวดตัว หรือบ้านที่มีอ่างอาบน้ำ อาจจะใช้เป็นที่แช่น้ำอุ่นเพื่อผ่อนคลายความตึงเครียด อีกด้วย


     ในทางฮวงจุ้ย มองห้องนี้เอาไว้อย่างไร..

     ตามหลักฮวงจุ้ยมองว่า ห้องน้ำห้องส้วม เป็นห้องที่จะก่อผลกระทบให้กับคนในบ้านได้ โดยเฉพาะในเรื่องของโรคภัยและการเจ็บป่วย เพราะห้องส้วม เป็นห้องที่ก่อ ๐๐๐๐ได้ง่าย ๐๐๐ที่มากเกินไปจะเป็นตัวทำลายสุขภาพของคนบ้าน ในทางฮวงจุ้ย จึงมักจะแนะนำให้คนอยู่ห่างจาก ๐๐๐ เอาไว้

     ถ้ามองตามหลักตรรกวิทยา๐๐๐๐ในที่นี้ก็จะหมายถึง กลิ่น และความอับชื้นภายในห้องส้วม นั่นเอง เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้จะมีผลกระทบต่อคนได้ กลิ่นจากห้องส้วม ที่ดูแลไม่สะอาด ย่อมไปรบกวนและสร้างความหงุดหงิดให้กับคนในบ้านได้ ผมเชื่อว่า ทุกคนก็คงไม่ชอบให้บ้านตัวเองมีกลิ่นที่ไม่สะอาดแน่ๆ

     ส่วนเรื่องของความอับชื้นนั้น ถ้าภายในห้องส้วมมีความอับชื้นมากๆ สิ่งที่ตามมาก็คือ ห้องส้วมก็จะกลายเป็นสถานที่บ่มเพาะเชื้อโรค เช่น เชื้อรา เชื้อแบคทีเรีย คนที่อยู่ใกล้ห้องส้วม เช่น มีห้องน้ำอยู่ในห้องนอน ก็จะได้รับเชื้อโรคเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายได้ง่าย ซึ่งแน่นอนว่า โอกาสที่จะเจ็บป่วยก็จะมีมากตามไปด้วย

     เห็นไหมครับ พิษสงของเจ้าห้องส้วมมีมากกว่าที่เราคิดกัน บ้านที่มีห้อง ส้วมมากเกินไป มักจะประสบปัญหานี้ได้ง่าย จึงมีข้อบัญญัติในทางฮวงจุ้ยข้อหนึ่งที่บอกว่า 

     1.ห้ามมีห้องส้วมมากกว่าสมาชิกในบ้าน 

     เดี๋ยวนี้บ้านสมัยใหม่กลับไปเน้นที่ห้องน้ำห้องส้วมกันมาก เรียกว่า ยิ่งมีมากยิ่งกลายเป็นจุดขาย เพราะมองในแง่ของความสะดวกสบายเพียงอย่างเดียว ห้องน้ำห้องส้วมแทบจะมีอยู่ทั่วบ้าน ไม่ว่าจะเป็นห้องนอน ห้องรับแขก ห้องครัว ห้องคนใช้ เดินไปทางไหนของบ้านก็เจอห้องส้วม เต็มไปหมด

     บ้านบางหลังมีคนอยู่เพียง 2 คน แต่กลับมีห้องส้วมมากถึง 4 ห้อง เพราะแบบบ้านให้มาอย่างนั้น คนในบ้านจึงไม่สามารถใช้ห้องส้วมได้ครบทุกห้อง การปล่อยห้องส้วมให้ว่างโดยไม่ได้ใช้นั้น ย่อมจะก่อผลเสียขึ้นอย่างแน่นอน

     ภายในห้องส้วม ย่อมจะต้องมีโถส้วมอยู่ ไม่ว่าจะเป็นแบบชักโครกหรือแบบนั่งยอง ในโถส้วมนั้นจะมีน้ำหล่อเลี้ยงอยู่ตลอดเวลา การปล่อยให้น้ำนิ่งโดยไม่มีการหมุนเวียนเลยเป็นเวลานานๆ น้ำก็จะเสีย ยิ่งมีเศษผง ตัวแมลงตกลงไปตาย ก็ยิ่งเพิ่มความเน่าเสียของน้ำมากขึ้น มลภาวะภายในห้องส้วมก็จะก่อตัวขึ้นทั้งเรื่องของกลิ่นและเชื้อโรค

     2.ห้องส้วม ห้ามอยู่กลางบ้าน... 

     นี่เป็นบทบัญญัติอีกข้อหนึ่งในทางฮวงจุ้ย บ้านใครเข้าข่ายที่มีห้องส้วมอยู่กลางบ้าน ก็จำไว้เลยว่า บ้านนั้นผิดฮวงจุ้ยแล้ว เหตุผลก็สามารถมองเห็นได้ชัดอยู่แล้ว ห้องส้วมเป็นห้องที่ก่อมลภาวะได้ง่าย เพราะฉะนั้น จึงเป็นห้องที่ต้องการระบบระบายอากาศที่ดี เพื่อระบายกลิ่น และความชื้นออกสู่นอกบ้าน

     แต่ถ้าห้องส้วมเกิดมาอยู่ตรงกลางบ้านเสียแล้ว การระบายออกของกลิ่นและความชื้น จะระบายไปทางไหนล่ะ ก็หนีไม่พ้นที่จะระบายอบอวนไปทั่วบ้านไงไม่น่าถาม คงจะนึกภาพกันออกนะครับ

     ห้องส้วมที่มีสภาพอุดตัน ไม่มีช่องแสงช่องลม อากาศภายในห้อง ย่อมจะต้องเสียเป็นธรรมดา ลองสังเกตดูห้องนอนที่เราใช้นอนกันอยู่ทุกวัน ถ้าเราเกิดไปต่างจังหวัดสักวันสองวัน กลับมาเปิดห้องนอนอีกที จะมีกลิ่นอับเกิดขึ้น เราจะต้องรีบเปิดประตูหน้าต่างเพื่อให้กลิ่นอับเหล่านั้นหายไป

     เรื่องของห้องส้วมก็เช่นเดียวกัน ถ้าห้องส้วมไม่มีช่องระบายออกภาย นอกบ้าน อากาศภายในห้องไม่หมุนเวียน ก็จะยิ่งสร้างมลภาวะมาก เวลาเปิดประตูห้องส้วมแต่ละครั้ง อากาศเสียภายในห้องส้วม ก็จะฟุ้งกระจายออกมา หมุนเวียนอยู่ในบ้าน ผลกระทบที่ตามมาย่อมตกอยู่กับคนในบ้าน อย่างไม่ต้องสงสัย

     3.ห้องส้วมควรอยู่ทางทิศตะวันตก 

     ตำแหน่งห้องส้วมที่ดีและถูกต้องตามหลักของฮวงจุ้ย จึงบัญญัติเอาไว้ว่า จะต้องอยู่ในตำแหน่งที่มีการระบายอากาศที่ดี มีแสงแดดส่องถึง ทิศตะวันตก จึงเป็นทิศที่เหมาะที่จะเป็นตำแหน่งของห้องส้วม เพราะแสงแดดในยามบ่ายที่ร้อนแรง จะช่วยเผาผลาญและไล่ความอับชื้นภายในห้องน้ำห้องส้วมได้เป็นอย่างดี

     อีกตำแหน่งหนึ่ง ที่ไม่ควรเอาห้องส้วมไปไว้ก็คือ บริเวณหน้าบ้าน เพราะนอกจากคนโบราณจะถือว่า การมีห้องส้วมอยู่หน้าบ้านไม่เป็นมงคลแล้ว ในทางฮวงจุ้ยเองก็จะอธิบายเอาไว้ว่า ๐๐๐ ของห้องส้วม จะไปทำลายชี่ที่ดี ที่ไหลเข้าทางหน้าบ้านจนหมดสิ้น ทำให้บ้านนั้นอับโชค

     ถ้ามองตามหลักตรรกะวิทยา การมีห้องส้วมอยู่บริเวณหน้าบ้าน จะส่งผลเสียในเรื่องของมลภาวะเช่นเดียวกัน เพราะลมที่พัดเข้าทางหน้าบ้าน จะพัดพาเอากลิ่น และความอับชื้นเข้าไปภายในบ้าน ซึ่งจะไปรบกวนคนในบ้าน นั่นเอง

     เมื่อเรารู้ข้อเสียและตำแหน่งของห้องส้วมกันไปแล้ว เรื่องของการตกแต่งหรือจัดวางข้าวของภายในห้องน้ำห้องส้วม ก็ควรที่จะใส่ใจเช่นเดียวกัน หลักฮวงจุ้ยบอกว่า ห้องส้วมมีสภาพเป็นอินหรือหยินมาก การตกแต่งก็ควรจะเพิ่มความเป็นหยางเข้าไปให้มาก เพื่อปรับความสมดุลภายในห้องนั้นให้เกิดขึ้น

     วิธีเพิ่มความเป็นหยาง ก็ทำได้โดยการเพิ่มแสงสว่างให้มาก ห้องส้วมไม่ควรมีแสงที่มืดจนเกินไป แสงสว่างจะช่วยลดความชื้นภายในห้องส้วมได้ เพราะฉะนั้น ช่องแสงจึงควรทำให้มีขนาดใหญ่พอสมควร ถ้าห้องน้ำมีขนาดเล็ก อาจใช้กระจกเงาบานใหญ่มาช่วยเพิ่มความสว่างได้ 

     เรื่องของลม ซึ่งเป็นพลังหยางโดยตรงก็เช่นเดียวกัน ช่องลมภายในห้องส้วมจะต้องมีขนาดที่เหมาะสม ไม่เล็กจนเกินไป เพื่อที่จะให้การระบายอากาศเป็นไปได้ดี หรืออาจจะใช้เครื่องดูดอากาศช่วย ก็จะให้ผลดีมากขึ้น


     จะเห็นได้ว่า เรื่องของห้องน้ำห้องส้วมที่เราใช้กันอยู่ทุกวัน จะเป็นเรื่องที่จะต้องให้ความสนใจมากมายขนาดนี้ หลายคนเคยสงสัยว่า ทำไมคนสมัยนี้จึงเจ็บป่วยกันได้ง่าย อะไรนิดอะไรหน่อยก็ป่วย ซึ่งส่วนใหญ่ก็ไปลงความเห็นว่า เป็นเพราะสภาพแวดล้อมโดยรวมของอากาศ น้ำ มีมลพิษมาก โดยเฉพาะคนที่อยู่ในเมือง


     แต่หลายๆ คนลืมนึกไปว่า มลภาวะที่ใกล้ตัวเรามากที่สุด ก็อยู่ภายในบ้านเรานี่เอง ไม่บอกก็คงรู้นะครับว่าเป็นห้องอะไร..?


ข้อมูลโดย : Homedd
๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐


7 วิธีทำความสะอาดห้องนํ้าอย่างง่าย ๆ

เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

          การทำความสะอาดห้องน้ำอาจเป็นเรื่องที่ใครหลาย ๆ คนไม่ชอบ เพราะทั้งยุ่งยากแถมยังเสียเวลามากอีกด้วย แต่ถึงอย่างนั้นห้องน้ำก็ยังเป็นห้องที่เราควรทำความสะอาดบ่อยที่สุดอยู่ดี เพราะเป็นห้องที่สกปรกได้ง่ายแถมเรายังต้องใช้ทุกวันอีกต่างหาก เราจึงควรทำความสะอาดห้องน้ำให้ถูกวิธีดังนี้ ..

 1. ห่วงแขวนผ้าในห้องน้ำ

          ห่วงที่ไว้ใช้แขวนพวกผ้าเช็ดมือในห้องน้ำนั้นสามารถทำความสะอาดให้้กลับมาดูเหมือนใหม่ได้ง่ายนิดเดียว โดยคุณเพียงแค่ใช้น้ำส้มสายชูพรมรอบ ๆ แล้วใช้แปรงขัดเท่านั้นก็เรียบร้อยแล้ว อย่างไรก็ตาม หากกลัวว่าน้ำส้มสายชูจะมีกลิ่นแรงเกินไป อาจเปลี่ยนมาใช้แชมพูแทนก็ได้เช่นกัน

 2. ซักผ้าม่านเป็นประจำ

          ถ้าคุณทิ้งผ้าม่านพลาสติกไว้ในห้องน้ำโดยไม่ดูแลนาน ๆ รู้ตัวอีกทีก็อาจจะมีคราบสีดำซึ่งมาจากแบคทีเรียในห้องน้ำเกาะติดอยู่บนผ้าม่านที่เคยสวยของคุณแล้วก็ได้ ดังนั้นเพื่อป้องกันก่อนที่ผ้าม่านจะเกิดคราบสกปรกนี้ให้เป็นอันตรายกับคนในบ้าน คุณก็ควรทำความสะอาดเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละครั้ง ด้วยการนำใส่เครื่องซักผ้าตามปกติ นอกจากนี้อาจใส่ผ้าขนหนูสักผืนลงไปซักด้วยกันเพื่อขัดให้สะอาดขึ้นได้อีกด้วย



 3. ใช้ผงล้างจานทำความสะอาดคราบสกปรก

          จะทิ้งคราบสกปรกในห้องน้ำของคุณไว้ให้รกหูรกตาทำไม ในเมื่อคุณสามารถทำความสะอาดมันได้ ซึ่งวิธีการก็ง่ายแสนง่าย โดยคุณเพียงแค่นำผงล้างจานใส่ลงในถ้วยกาแฟขนาดทั่วไป ประมาณ 1 ใน 4 ของถ้วย และผสมน้ำลงไปเล็กน้อยพอให้คนจนเป็นก้อนได้ จากนั้นจึงนำผงล้างจานที่คุณผสมไปป้ายตามคราบสกปรกและขัดเสียหน่อย และทิ้งไว้สัก 20 นาที สุดท้ายก็ใช้น้ำสะอาดล้างออก เท่านี้ก็จะทำให้คราบสกปรกหายไปหมดจนน่ามองขึ้นทันตาเห็นแล้ว

 4. ประตูกระจกในตู้อาบน้ำ

          หากห้องน้ำของคุณเป็นแบบที่ใช้ตู้อาบน้ำแทนการใช้ผ้าม่านกั้นก็ควรหมั่นดูแลตู้กระจกให้ดีด้วย เพราะความอับชื้นในตู้จะทำให้ตู้อาบน้ำของคุณกลายเป็นแหล่งขยายตัวของเชื้อโรคได้ดีเลยทีเดียวคุณจึงควรหมั่นทำความสะอาดด้วยการใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์ชุบน้ำส้มสายชูเล็กน้อยเช็ดแล้วทิ้งไว้สัก 2 - 3 นาที จากนั้นจึงใช้ลูกกลิ้งกวาดหยดน้ำส่วนเกินที่ติดอยู่ออก กระจกของคุณก็จะกลับมาสะอาดเหมือนใหม่อีกครั้งได้ทันที



 5. อย่าลืมทำความสะอาดหัวฝักบัว

          นอกจากกำจัดคราบสกปรกต่าง ๆ ในห้องน้ำแล้ว คุณก็ควรทำความสะอาดหัวฝักบัวด้วย โดยถอดหัวฝักบัวออกมาแช่น้ำส้มสายชูทิ้งไว้สักคืนก็พอแล้ว อย่างไรก็ตาม หากหัวฝักบัวที่คุณใช้ไม่สามารถถอดได้ อาจนำถุงใส่น้ำส้มสายชูมาครอบทับแล้วมัดให้แน่นเพื่อแช่ไว้แทนก็ได้ นอกจากนี้ หากต้องการขจัดเชื้อโรคให้สิ้นซากมากขึ้น หลังจากแช่ทิ้งไว้ข้ามคืนแล้ว อาจนำไม้จิ้มฟันมาเขี่ยคราบสกปรกที่พอมองเห็นออกอีกชั้นด้วยก็ได้

 6. กำจัดคราบปูนให้ถูกวิธี

          หากว่าในห้องน้ำของคุณมีคราบปูนติดอยู่ คุณก็สามารถกำจัดมันออกได้ด้วยการนำผลิตภัณฑ์ฟอกขาวประมาณ 3 ใน 4 ถ้วยมาผสมน้ำ 1 แกลลอน แล้วนำไปพรมบนคราบปูนจากนั้นจึงขัดเบา ๆ และทิ้งไว้สักพักก่อนจะขัดอีกครั้ง แล้วจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดเพื่อให้คราบปูนหลุดออกก็เป็นอันเสร็จเรียบร้อย ทั้งนี้ระหว่างทำควรสวมถุงมือและเครื่องป้องกันตาเพื่อไม่ให้โดนอันตรายจากสารเคมีด้วยนะคะ



 7. ทำควาามสะอาดฝ้าบนกระจก

          หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว ความชื้นที่เกิดขึ้นก็มักจะทำให้กระจกของเราเกิดฝ้าติดไม่น่ามองอยู่เสมอ เราจึงควรกำจัดฝ้าเหล่านั้นหลังอาบน้ำ ด้วยการใช้ไดร์เป่าให้กลับมาแห้งอีกครั้งก่อนจะทิ้งไว้จนเป็นรอย หรือถ้าอยากให้สะอาดมากขึ้น อาจใช้แชมพูหรือครีมโกนหนวดผรมให้ทั่วแล้วจึงใช้ผ้าแห้งเช็ดให้สะอาดแทนก็ได้

          หลังจากรู้วิธีทำความสะอาดแล้ว ก็อย่าลืมขยันทำเป็นประจำอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง เพื่อให้ห้องน้ำของคุณสะอาดเหมือนใหม่อยู่เสมอด้วยนะคะ

๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐๐

ขอบคุณ ข้อมูล จากกระปุก